การประเมินความเสี่ยงและการจัดทำนโยบายความปลอดภัยไซเบอร์
ก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างความปลอดภัยไซเบอร์คือการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) เพื่อระบุจุดอ่อนและช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี โดยควรพิจารณาถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่สำคัญ ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น และผลกระทบที่จะตามมา จากนั้นจึงนำมากำหนดเป็นนโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัย (Security Policy) ที่ชัดเจน ทั้งในแง่ของการเข้าถึงข้อมูล การใช้งานอุปกรณ์ การสำรองและกู้คืนข้อมูล การตอบสนองต่อเหตุการณ์ผิดปกติ เป็นต้น
เช่น ธนาคาร HSBC ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไซเบอร์เป็นอย่างมาก จึงมีการตรวจสอบช่องโหว่ของระบบอย่างสม่ำเสมอ กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และอบรมพนักงานทุกคนให้ตระหนักถึงความเสี่ยงในโลกออนไลน์ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญของลูกค้าและธนาคารเอง
การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือในการรักษาความปลอดภัย
ในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ ถือเป็นอาวุธสำคัญ ตั้งแต่ระบบไฟร์วอลล์ที่คอยกรองการเข้าถึงเครือข่าย ระบบ Endpoint Protection ที่ปกป้องอุปกรณ์ปลายทางจากมัลแวร์ การเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End เพื่อป้องกันการดักฟัง เทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน ไปจนถึงเทคโนโลยี AI ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติและเรียนรู้รูปแบบการโจมตีใหม่ๆ ได้ การใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณจะช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี
เช่น Cisco บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ใช้เครื่องมือที่หลากหลายในการปกป้องระบบของตัวเอง เช่น Cisco Umbrella ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์การเชื่อมต่อเครือข่ายและบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย หรือ Cisco Duo ที่ใช้การพิสูจน์ตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน เพื่อปกป้องการเข้าถึงข้อมูลสำคัญจากผู้ไม่ประสงค์ดี
การตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย
นอกจากการป้องกันแล้ว องค์กรยังจำเป็นต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบและรับมือกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น ทั้งการเฝ้าระวังระบบอย่างต่อเนื่อง การตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อพบกิจกรรมผิดปกติ การวิเคราะห์ข้อมูลบันทึกเพื่อสืบหาสาเหตุ ตลอดจนการมีทีมเฉพาะกิจหรือแผนฉุกเฉินในการตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆ การดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะช่วยลดผลกระทบที่จะตามมา และฟื้นฟูความเสียหายได้อย่างทันท่วงที
เช่น บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่าง Volvo มีศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ในการเฝ้าระวังการโจมตีไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นกับรถและระบบต่างๆ ของบริษัท หากพบเหตุการณ์ผิดปกติ ทีมงานจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อระงับเหตุ วิเคราะห์จุดอ่อนที่โดนโจมตี และแก้ไขปรับปรุงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต
การทดสอบและปรับปรุงระบบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์สำคัญอีกประการในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์คือการพัฒนาและทดสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ เพราะเทคโนโลยีและเทคนิคการโจมตีมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา องค์กรจึงจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ทันสมัยและรัดกุมยิ่งขึ้น โดยอาจมีการทดสอบระบบด้วยการจำลองการโจมตี (Penetration Testing) เพื่อหาช่องโหว่ที่อาจถูกใช้ประโยชน์ได้ ตลอดจนการประเมินความแข็งแกร่งของระบบและกระบวนการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบยังคงสามารถปกป้ององค์กรได้จริง
เช่น Microsoft ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก มีทีมวิจัยความปลอดภัยที่คอยค้นหาช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทดสอบโค้ดทุกบรรทัด การจ้าง Hacker มืออาชีพเพื่อลองเจาะระบบ รวมถึงการเปิดโครงการ Bug Bounty ให้นักวิจัยทั่วโลกช่วยตรวจสอบและรายงานช่องโหว่ที่พบ ซึ่งช่วยให้ Microsoft สามารถแก้ไขจุดบกพร่องได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลายเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ขึ้น
ความปลอดภัยไซเบอร์เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องให้ความสำคัญ ผ่านการประเมินความเสี่ยง การกำหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือป้องกัน การเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนการพัฒนาและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลและองค์กรในยุคที่ภัยคุกคามไซเบอร์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ