เทคโนโลยีความปลอดภัย เรื่องใกล้ตัว 0 Comments , ,

คณะกรรมการ FCC ชี้กองทัพสหรัฐฯ มีความเสี่ยงถูกล้วงข้อมูล จากการใช้งาน TikTok บนอุปกรณ์ส่วนบุคคล

เบรนแดน คาร์ หนึ่งในคณะกรรมการของหน่วยงานกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ เตือนถึงความเสี่ยงที่หน่วยงานกองทัพของสหรัฐฯ มีโอกาสถูกล้วงข้อมูลและเป็นภัยต่อความมั่นคง จากการใช้งานติ๊กต่อก บนอุปกรณ์ส่วนตัว

เบรนแดน คาร์ หนึ่งในคณะกรรมการของหน่วยงานกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ หรือ Federal Communication Commission (FCC) จากพรรครีพับลิกัน กล่าวในการประชุมคณะกรรมการของสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ยกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องภัยความมั่นคงจากการใช้งานติ๊กต่อก

นายคาร์ กล่าวว่า สมาชิกของกองทัพสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความมั่นคง จากการใช้งานโซเชียลมีเดียผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต่อก บนอุปกรณ์ส่วนตัว โดยมีสมาชิกจำนวนไม่น้อยได้อัปโหลดวิดีโอ ซึ่งภายในเป็นสถานที่ปฏิบัติงานด้านการทหารขึ้นไปยังแอปติ๊กต่อก สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, เกาหลีใต้, เยอรมนี, อิตาลี และอัฟกานิสถาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับการแก้ไขในเรื่องนี้

คาร์ กล่าวต่อไปว่า การไหลของข้อมูลกลับไปยังปักกิ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล ด้วยแอปพลิเคชันติ๊กต่อกที่อยู่ในกระเป๋า มันสามารถเข้าไปสถานที่ปฏิบัติงานทางการทหารของคุณ และบอกตำแหน่งที่อาจเป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของทหารได้

ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เบรนแดน คาร์ มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้แอปเปิลและกูเกิล แบนการเข้าถึงแอปพลิเคชันติ๊กต่อก โดยในเวลานี้ นายคาร์ กำลังรอฟังคำตอบจากทางแอปเปิล ขณะที่ กูเกิลได้ส่งคำชี้แจงเรียบร้อยแล้ว

แม้ในความเป็นจริง เนื้องานของหน่วยงานกำกับดูแลกิจการสื่อสาร ไม่มีขอบเขตอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับเนื้อหาและแอปพลิเคชัน จึงเกิดเป็นการตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจที่ผิดประเด็นของนายคาร์

จากปัญหาที่เกิดขึ้น ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต่อก ได้ออกมาชี้แจงว่า มีพนักงานที่เป็นวิศวกรชาวจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ได้จริง เพียงแต่มีจำนวนน้อยมาก อีกทั้งพนักงานเหล่านั้นล้วนอยู่ภายใต้มาตรการอันรัดกุม พร้อมกับยืนยันว่า ไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ กับให้กับรัฐบาลจีน

นอกจากนี้ ไบต์แดนซ์ ได้ย้ายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านข้อมูลทั้งหมดไปอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทออราเคิล (Oracle) ซึ่งเป็นบริษัทของสหรัฐฯ แล้ว

ที่มา: Bloomberg