สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้รักและหลงใหลในการพัฒนารถยนต์ นอกจากสีสันและดีไซน์แล้ว นวัตกรรม เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจและมีผู้ติดตามรอคอยการอัปเดตตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีความปลอดภัยสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่รถยนต์มากขึ้น รู้ใจเลยอยากชวนคุณไปเจาะประเด็นกับระบบความปลอดภัยรุ่นใหม่ ๆ ในรถที่ถูกเพิ่มเข้ามา เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญสำหรับการเลือกซื้อรถของคุณ
การออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ คือความสำคัญระดับต้น ๆ ของผู้ออกแบบรถยนต์ในยุคนี้ นอกเหนือไปจากการประดับตกแต่งตัวรถและดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา เมื่อก่อนความปลอดภัยสำหรับการขับขี่มีเพียงเข็มขัดนิรภัย ระบบเบรก ABS และถุงลมนิรภัยเท่านั้น แต่ด้วยประสบการณ์และการทดสอบอย่างจริงจังของค่ายผู้ผลิตรถต่าง ๆ ทำให้เกิดระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ที่ควรเสริมเข้าไปให้กับรถทุกรุ่น โดยเฉพาะเทคโนโลยีความปลอดภัยด้านการขับขี่ที่ถือเป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน เพื่อการขับขี่มีประสิทธิภาพและเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณได้มากขึ้น
5 ระบบความปลอดภัยในการขับขี่ ที่รถยุคนี้ “ต้องมี”
รถยนต์ในยุคนี้ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และควบคุมรถให้มีความปลอดภัยมากขึ้น รู้ใจขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ 5 ระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่ที่รถรุ่นใหม่ควรมี มีอะไรบ้าง? รับรองว่ามีไว้อุ่นใจแน่นอน
1.ระบบควบคุมความเสถียรสำหรับการทรงตัวของรถยนต์ VSC (Vehicle Stability Control)
ระบบการควบคุมความเสถียรในการทรงตัวของรถยนต์ หรือ VSC ที่เรียกกันในชื่อระบบเต็ม ๆ ว่า Vehicle Stability Control เป็นระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีการพัฒนาขึ้นอยู่เสมอ ออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานระบบเบรกแบบ ABS นั่นเอง เพราะระบบ ABS เน้นการหยุดในภาวะฉุกเฉิน แต่หลายครั้งด้วยน้ำหนักบรรทุกที่ผิดไปทำให้การทำงานของระบบ ABS ไม่อาจทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แถมเมื่อศูนย์ถ่วงของตัวรถถูกถ่ายเทน้ำหนักผิดทาง ทำให้รถเกิดอาการแฉลบ เซ เอียงจากจุดศูนย์ถ่วงปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดการพลิกคว่ำได้ ระบบ VSC จะเข้ามาช่วยเหลือในการปรับความเสถียรของรถ ด้วยระบบเซนเซอร์ที่ติดตั้งเอาไว้ใกล้กับชุดล้อ เพื่อช่วยให้การทำงานระหว่างการหมุนของล้อกับการใช้งาน ABS ประสานสัมพันธ์กันไม่ให้เกิดแรงเหวี่ยงที่ทำให้ศูนย์ถ่วงน้ำหนักเคลื่อนจากตำแหน่งกึ่งกลาง ลดปัญหาการพลิกคว่ำของรถลงไปได้มากทีเดียว
2.ระบบเตือนเมื่อเจอมุมอับสายตา RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่ที่ได้รับการจับตามองมาก ๆ เพราะในรถทุกรุ่นมีมุมอับสายตาที่เป็นช่องโหว่ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการถอยรถในพื้นที่คับแคบและมีมุมอับสายตาสูง เดิมระบบนี้มีเพียงแค่ระบบเซนเซอร์หรือกล้องช่วยมองสำหรับการถอยหลัง แต่สำหรับเทคโนโลยีการขับขี่ที่อาศัย RCTA รุ่นใหม่ แต่ละค่ายต่างจัดหนักจัดเต็มในทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบเซนเซอร์ตรวจจับที่มีความแม่นยำมากขึ้น รวมถึงตำแหน่งของการติดตั้งเซนเซอร์ที่ตอนนี้บางรุ่นมีไว้ให้รอบคัน ทั้งซอกเล็กซอกน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป บางแบบยังเลือกติดกล้องที่ทำงานร่วมกับจอทัชสกรีนภายในรถเพื่อเพิ่มมุมมองสำหรับการขับขี่ให้มากขึ้นอีกด้วย
3.ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนและดึงพวงมาลัยกลับ LDA (Lane Departure Alert)
LDAระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีความสำคัญมาก ๆ เพราะหนึ่งในสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุรถชนคือการหลับใน ทำให้รถพุ่งออกไปจากเลนจนเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นทางผู้ผลิตรถจึงได้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือการขับขี่และควบคุมความปลอดภัยในรูปแบบ LDA เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ ถึงไม่ใช่เทคโนโลยีแบบขับแทนได้ แต่ก็เพียงพอต่อการป้องกันช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาทีได้
โดยการทำงานของระบบนี้มีอยู่สองอย่างคือ รถจะแจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่ขับรถผิดไปจากเลนเดินทางปกติเพื่อให้ผู้ขับขี่ตื่นตัวและหันกลับมาบังคับรถในเส้นทางให้ได้อีกครั้ง แต่ถ้าหากผู้ขับขี่ยังคงไม่เปลี่ยนเลน ระบบการทำงานการควบคุมพวงมาลัยจะทำงานในทันทีด้วยการบังคับรถให้กลับมาอยู่ในเส้นทางปกติแบบอัตโนมัติ เปลี่ยนแปลงทุกอย่างจากหนักให้เป็นเบาได้ในทันที
4.ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control)
อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับการขับขี่ปลอดภัยคือ ระบบการควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC เหมาะมาก ๆ สำหรับการขับรถทางไกล โดยระบบนี้ยังมีในรถบางรุ่นเท่านั้น แต่ถือว่าเป็นตัวช่วยลดการเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้
สำหรับการทำงานของระบบนี้คือ เมื่อคุณขับรถเดินทางไกลคุณสามารถตั้งค่าให้รถวิ่งในอัตราความเร็วคงที่ เป็นการประคองความเร็วในรูปแบบที่คุณยังคงสามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญรถระบบนี้ได้พัฒนาต่อเนื่องไปเป็นระบบ Adaptive Cruise Control Stop-and-Go นั่นคือรถสามารถตัดสินใจชะลอความเร็วลงอัตโนมัติเมื่อรถคันหน้าจอด หรือเตรียมตัวหยุด ทำให้เราสามารถควบคุมความเร็วในทุกช่วงเวลาได้ดี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่ที่ล้ำสมัยเอามาก ๆ
5.ระบบเบรก EBD (Electronic Brakeforce Distribution)
ถือเป็นการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นสำหรับการออกแบบระบบเบรก ซึ่งเดิมระบบเบรกแบบเดียวที่ทุกคนรู้จักคือระบบเบรกเพื่อป้องกันการล้อล็อก หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าระบบเบรก ABS ซึ่งในระบบนี้ยังคงทำงานได้ไม่สมบูรณ์มากนักสำหรับการเบรกในระยะประชิด โดยในปัจจุบันนี้ทางค่ายรถต่าง ๆ ยังคงพัฒนาระบบเบรกแบบใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยให้การควบคุมรถในช่วงเวลาฉุกเฉินสามารถทำได้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้นนั่นก็คือ ระบบเบรก EBD นั่นเอง
สำหรับการทำงานของระบบ EBD จะเป็นการกระจายน้ำหนักสำหรับการกดเบรกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จะคำนวณการกดเบรกลงไปที่ล้อแต่ละชุดด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ไม่ให้ล้อรถล็อกหรือปัด ซึ่งในรถรุ่นใหม่หลายรุ่นมีการติดตั้งระบบเบรกประเภทนี้ให้ทำงานร่วมกันกับระบบเบรก ABS อีกระดับเพื่อจัดเต็มสำหรับความปลอดภัยในทุกขั้นตอน เพราะการเหยียบเบรกฉุกเฉิน มักให้เกิดปัญหาการควบคุมรถ ซึ่งการมีระบบหยุดรถรุ่นใหม่เข้ามานี้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถอย่างฉับพลันและมีความปลอดภัยมากขึ้น
การมองหารถใหม่ควรตรวจสอบดูถึงระบบรักษาความปลอดภัยก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ระบบรักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะช่วยชีวิตคุณ ช่วยคนที่นั่งมาด้วยกัน รวมถึงคนรอบข้างบนท้องถนนด้วย และเพื่อเพิ่มความมั่นใจไปอีกขั้น ควรมีประกันภัยรถยนต์ติดเอาไว้ เพราะระบบความปลอดภัยจะช่วยเซฟชีวิต ส่วนประกันภัยรถยนต์จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าสตางค์ยามเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชน หรือแม้แต่รถหาย น้ำท่วม รวมถึงภัยธรรมชาติอื่น ๆ และรู้ใจขอแนะนำว่าก่อนทำประกันภัยทุกฉบับ ควรศึกษาเงื่อนไขและความคุ้มครองก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง
ข้อมูล www.roojai.com